ตั้งแต่ตั้งเป้าหมายในการเป็นนักดนตรีไว้ตอนเรียนอยู่ม.6 ผมก็มีความมั่นใจอย่างน่าประหลาด “ไม่ว่ายังไงเราต้องได้แสดงบนเวทีที่มีคนดูกว่าหมื่นแน่นอน แม้แต่ทัวร์รอบโลกก็ไม่ใช่แค่ความฝัน” พูดง่ายๆว่าโยชิยูกิ “โคตร” จะมองโลกในแง่บวก “เบสก็เหมือนกัน ยังไงเราก็ทำได้ ยังเก่งได้มากกว่านี้อีก” โยชิยูกิไม่เคยรู้สึกว่ามีคำว่า “ลิมิต” เลย… จนกระทั่งปี 2557 (2013)
นั่นคือตอนที่ผมเริ่มอัดเพลงใหม่ของวง DOOKIE FESTA “ไหวเปล่าวะเรา? มันมีความจำเป็นที่ต้องเป็นตัวเองอยู่มั้ย?”… เหล่าคำถามและความกังวลที่คอยรังควาญใจผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด แม้แต่ตอนที่คิดเนื้อเพลง ผมก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่รู้ว่าอะไรกันแน่คือความเป็นตัวตนของผม ผมก็ได้แต่ลองผิดลองถูกไปเรื่อย วันคืนเหล่านั้นเป็นเหมือนกับการคลำหาทางในความมืด… แต่ว่า ในที่สุดจุดเปลี่ยนก็มาถึง นั่นคือตอนที่ผมได้ดูDVDการแสดงสดของนักดนตรีคนหนึ่ง เสียงดนตรีอันเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ไหวติงนั้นก้องกังวาลในใจของผม ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก “จะมาหยุดอยู่ตรงแค่นี้ได้ยังไง? เรายังไต่ขึ้นไปได้สูงกว่านี้นี่! เอาจริงๆแล้วความเป็นไปได้ของเรามันไม่มีที่สิ้นสุดไม่ใช่หรอ?” ความรู้สึกอันร้อนแรงเหมือนกับตอนที่ผมตัดสินใจจะเป็นมือเบสเริ่มผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“กลับไปที่จุดเริ่มต้น” หนึ่งในวิธีที่จะกลับไปยังจุดเริ่มต้นได้ก็คือโปรเจคเมืองไทยในครั้งนี้ ทัวร์รอบโลกเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ม.6 แต่ตัวผมเองในตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้มีประสบการณ์เล่นนอกประเทศ ผมตั้งใจที่จะก้าวไปสู่ความฝันในวัยเด็กทีละก้าว และยังมุ่งมั่นที่จะเอาความเป็นตัวเองกลับคืนมา แม้จะเป็นเวลาสั้นๆเพียง 3 วัน แต่ก็ได้เก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลังที่จะก้าวข้ามกำแพงของ “ฮาร์ดร็อค” ความสุขที่ได้รับจากการได้พูดคุยด้วยเสียงดนตรีกับนักดนตรีต่างชาติต่างภาษา และนอกจากที่ผมจะได้ความมั่นใจไร้ข้อกังขากลับคืนมาแล้ว ผมยังได้พบเป้าหมายใหม่ที่อยากจะไปให้ถึง… คือการที่จะพูดเองมันก็คงยังไงๆอยู่ แต่ผมก็อยากจะบอกว่า… “คอยจับตาดู มือเบส โยชิยูกิ ฟุจิโอกะ คนนี้ให้ดีละกัน!”